วันเสาร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2552

การปลูกต้นไม้ลดโลกร้อน
โลกร้อน หรือเกิดปรากฏการณ์เรือนกระจก
ปกติก๊าซต่าง ๆ ที่สะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศอยู่เหนือพื้นผิวโลกขึ้นไป 25 กิโลเมตร ได้รวมตัวกันเข้าเป็นเกราะกำบังพื้นผิวโลกของเราให้มีความอบอุ่นพอเหมาะกับการดำรงชีวิต ทำหน้าที่คล้ายกระจกในเรือนกระจกหรือ "กรีนเฮาส์" ที่สร้างขึ้นมาเพื่อรักษาอุณหภูมิให้ต้นไม้ภายในเรือนกระจกมีชีวิตอยู่ได้ เนื่องจากก๊าซพวกนี้ยอมให้ความร้อนจากดวงอาทิตย์ผ่านลงมายังพื้นโลกได้ แต่จะกักเก็บความร้อนบางส่วนเอาไว้มิให้สะท้อนกลับออกไปสู่อวกาศ ทำให้โลกมีอุณหภูมิพอเหมาะ ปัจจุบันเกราะกำบังนี้มีความหนาแน่นมากขึ้น ทำให้สามารถเก็บความร้อนจากการดูดซับรังสีไว้มากขึ้นโลกจึงมีอุณหภูมิสูงขึ้น กลุ่มก๊าซที่รวมตัวกันเป็นเกราะกำบัง ได้แก่ ก๊าซมีเทน ไนตรัสออกไซด์ คลอโรฟลูออโรคาร์บอน คาร์บอนเตตระคลอไรด์ คาร์บอนมอนอกไซด์ และที่สำคัญคือ คาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งมีมากที่สุด การเผาป่าไม้เป็นตัวการทำให้เกิดคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 25 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนี้ต้นไม้แต่ละต้นก็จะทำลายการดูดซึม CO2 ไปด้วย นัก วิทยาศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ทำการวิจัยเรื่องบรรยากาศในปัจจุบัน เชื่อว่าการสะสมตัวของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ใน 60 ปีข้างหน้าและจะทำให้อุณหภูมิโดยเฉลี่ยของโลกเพิ่มขึ้นระหว่าง 1.5-4.5 องศาเซลเซียสผลของปรากฏการณ์เรือนกระจก หรือปรากฏการณ์เรือนต้นไม้ ที่ทำให้อุณหภูมิของโลกสูงขึ้นดังกล่าวมีผลกระทบต่อเนื่องคือ



(1) ทำให้น้ำแข็งขั้วโลกละลาย ระดับน้ำทะเลสูงขึ้น





(2) ทำให้เกิดอุทกภัย/ความแห้งแล้ง พื้นที่ที่เคยอุดมสมบูรณ์จะเกิดการแห้งแล้งลงสลับกับการเกิดน้ำท่วม

ป่าไม้มีผลกระทบต่อสภาวะของโลกใน 3 ทาง คือ อย่างแรก การดูดซึมก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากบรรยากาศ ช่วยรักษาอุณหภูมิของโลกให้คงที่ อย่างที่สอง การปล่อยไอน้ำสู่บรรยากาศและการเพิ่มความชื้น และอย่างสุดท้าย คือ การปกคลุมพื้นดินจากแสงแดด ซึ่งก็เป็นการช่วยลดความร้อนของโลกได้เช่นกัน แต่ผลกระทบอย่างแรกเท่านั้นที่นับว่าเป็นการช่วยลดภาวะโลกร้อนที่ได้มาจากการปลูกป่าปลูกต้นไม้ผลการศึกษาชี้ว่า ป่าในเขตร้อนชื้นนั้นมีประโยชน์ต่อสาภวะโลกร้อนนี้มาก เนื่องมาจากการดูดซึมคาร์บอนจากบรรยากาศและเพิ่มปริมาณเมฆ หรือความชื้น ซึ่งช่วยในการลดอุณหภูมิของโลกได้เป็นอย่างดีแต่ในทางตรงกันข้าม ผลการทำนายในปีค.ศ. 2100 เขตป่าไม้ในบริเวณเหนือเส้นศูนย์สูตรและบริเวณขั้วโลกจะทำให้บริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้นประมาณ 10 องศาฟาเรนไฮต์ เมื่อเปรียบเทียบกับกรณีที่ไม่มีป่าไม้บริเวณนี้ ทีมนักวิจัยได้ให้เหตุผลว่าการปกคลุมพื้นดินของป่าไม้ในบริเวณขั้วโลกมีผลต่อการดูดซับแสงแดดจากท้องฟ้าได้มากขึ้น ซึ่งนั่นหมายถึงการเพิ่มอุณหภูมิของผิวโลก และก่อให้เกิดภาวะโลกร้อนได้เร็วขึ้นนั่นเองจากผลการศึกษาดังกล่าวได้แสดงให้เห็นว่า การอนุรักษ์ รักษาป่าไม้ ทั่วโลกอาจจะไม่ได้มีประสิทธิภาพสูงที่สุดในการชะลอการเกิดสภาวะโลกร้อน แต่วิธีการที่ดีที่สุดในการรับมือและหลีกเลี่ยงกับสภาวะนี้ก็คือ การเปลี่ยนแปลงระบบการจัดการด้านพลังงาน จากพลังงานถ่านหินและเชื้อเพลิงที่ก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และมลพิษอื่นๆจากการเผาไหม้ มาเป็นพลังงานทดแทนหรือพลังงานประเภทใหม่ที่เป็นมิตรกับธรรมชาติ และอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมตามธรรมชาติ อย่างเช่น ป่าไม้ ให้คงอยู่เพื่อสร้างความสมดุลให้กับสภาพแวดล้อมบนโลก


วิธีที่จะลดปัญหาโลกร้อนอีกวิธีหนึ่งคือ

การช่วยกันปลูกต้นไม้คุณค่าที่แต่ละบุคคลให้กับต้นไม้จะมีความแตกต่างกันอย่างมาก บางคนให้ค่าต่ำ ในขณะที่บางคนให้ค่าสูงกว่า ถึงสูงกว่ามาก เนื่องจากต้นไม้ให้คุณประโยชน์ทั้งทางตรงเช่น เนื้อไม้ ดอก และผล และทางอ้อม เช่น การช่วยลดอุณหภูมิ การช่วยให้นิเวศสมดุลย์ ผู้ที่ให้ค่าต้นไม้ต่ำเกิดจากการพิจารณาเฉพาะส่วนที่เป็นการใช้ประโยชน์โดยตรง ผู้ที่ให้ค่าสูงจะเกิดจากการพิจารณาถึงประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมร่วมด้วย การพิจารณาคุณค่าของต้นไม้ด้วยความลึกซึ้งในการใช้ประโยชน์ครบถ้วนมากเท่าใดก็จะให้คุณค่าสูง บางคนให้คุณค่าต้นไม้สูงถึงแม้ตนเองจะไม่ได้ใช้ประโยชน์โดดยตรงแต่เห็นคุณค่าที่สังคมโดยรวมจะได้รับ ความแตกต่างของการให้ค่านี้ส่วนหนึ่งขึ้นอยู่กับข้อมูลและประสบการณ์ตรงส่วนบุคคลในอดีตด้วย
มูลค่าต้นไม้ส่วนที่นักเศรษฐศาสตร์ให้ความสนใจมากคือส่วนที่เป็นคุณประโยชน์ทางอ้อม(Indirect use value) และส่วนที่เป็นคุณค่าแม้จะไม่ได้เกิดจากการใช้ (Passive use value) ว่ามีมากน้อยเพียงใด และจะวัดได้ด้วยวิธีใดเพื่อให้ได้ค่าที่แท้จริง ตัวอย่างรูปธรรมของประโยชน์ทางอ้อมจากต้นไม้เช่น ต้นไม้ช่วยให้อุณหภูมิเย็นลง ส่งผลต่อการประหยัดพลังงาน จากการตรวจวัดพื้นที่ 200 ตารางวามีต้นไม้คลุมพื้นที่ร้อยละ 30 การดูดความร้อนเพื่อใช้ในการคายน้ำทำให้อุณหภูมิลดลงคิดเป็นค่าความร้อน 1.2 ล้านกิโลกรัม-แคลอรีต่อวัน ซึ่งเทียบได้กับเครื่องปรับอากาศสำหรับบ้านขนาดกลางที่เปิดใช้ตลอด 24 ชั่วโมง และจากการสำรวจพบว่าอุณหภูมิใจกลางกรุงเทพฯ จะสูงกว่าบริเวณชานเมืองที่มีต้นไม้ปกคลุมมากกว่าเฉลี่ย
ประโยชน์ทางอ้อมที่ต้นไม้ให้คุณอนันต์อีกด้านหนึ่งคือการให้ O2 และการดูด CO2 จากกระบวนการสังเคราะห์แสง ร้อยละ 30 ของปริมาณ O2 ของโลกได้มาจากต้นไม้บนบก และอีกร้อยละ 70 ได้มาจากสาหร่ายในทะเล การเผาไหม้ในกระบวนการต่างๆทำให้ O2 ถูกใช้ไป กลายเป็น CO2 เกิดขึ้นในบรรยากาศ ในปี 2504 ปริมาณ CO2 ในอากาศมีเท่ากับ 239 สลส.(ส่วนต่อล้านส่วน) ปริมาณ CO2 เพิ่มขึ้นเป็น 319 สลส.ปี 2543 ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั่วไปว่าการเพิ่มขึ้นของ CO2 เป็นสาเหตุของภาวะเรือนกระจก และวิธีแก้ไขภาวะเรือนกระจกที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการเพิ่มปริมาณต้นไม้ (เดชา, 2543) จากการศึกษาความสามารถในการดูดคาร์บอนของต้นประดู่ที่บริเวณรีมถนนที่สวนจตุจักร สวนลุมพีนี สีลม และลาดพร้าว พบว่าต้นประดู่สามารถดูดซับ CO2 ได้ระหว่าง 1.19 – 1.76 กรัม/ตารางเมตร/ชั่งโมง (ลดาวัลย์, 2540 อ้างถึงใน เดชา, 2543) และจากการศึกษาปริมาณผลผลิต O2 จากไม้ยืนต้นอายุ 5 ปี จะให้ O2 แก่บรรยากาศคิดเป็นมูลค่ารวมถึง $31,250 (Das, n.d.) ประโยชน์ทางอ้อมของต้นไม้ดังกล่าวนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนที่มีความซับซ้อนและมีความสำคัญมากคือคุณค่าต่อดุลยภาพทางนิเวศของสิ่งมีชิวิตต่างๆ คุณค่าต่อมนุษย์ด้านสุนทรียภาพ และในบางพื้นที่ต้นไม้ยังมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์รวมอยู่ด้วย

ประโยชน์ของต้นไม้มีดังนี้ 1.ต้นไม้จะ ช่วยคายออกซิเจนในช่วงกลางวัน ทำให้เราได้อากาศบริสุทธิ์ ซึ่งการได้สูดอากาศบริสุทธิ์ มีผลดีต่อสุขภาพ ของเรา

2. ช่วยดูดซับก๊าซ คาร์บอนไดออกไซด์ ซึ่งเป็นตัวการให้เกิดภาวะเรือนกระจก ทำให้เกิดภาวะโลกร้อน

3. เป็นร่มเงา บังแสงแดด ให้เกิดความร่มรื่น

4. เป็นที่อยู่ อาศัยของสัตว์ป่า

5. พืช ผล สามารถนำมารับประทานเป็นอาหาร หรือ ยารักษาโรคได้

6. เป็นแหล่งต้นน้ำ ลำธาร เนื่องจากที่บริเวณราก ที่ดูดซับน้ำ และ แร่ธาตุ เป็นการกัก เก็บน้ำไว้บริเวณผิวดิน

7. บริเวณรากของต้นไม้ ที่ยึดผิวดิน ทำให้เกิดความแข็งแรงของบริเวณผิวดินป้องกันการพัง ทลายจากดินถล่ม เนื่องจากมีรากเป็นส่วนยึดผิวดินอยู่ ตัวอย่างที่เห็นเด่นชัด คือ การสาธิต การนำหญ้าแฝกมาประยุกต์ ป้องกันการพังทลาย ของหน้าดิน ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นพระปรีชา สามารถของพระมหากษัตริย์ ประเทศของเรา

8. เป็นแนวป้องกัน การเกิดน้ำท่วม เนื่องจาก เมื่อเกิดสภาพที่น้ำเกินสมดุล ท่วมลงมาจากยอดเขา จะมีแนวป่า ต้นไม้ ช่วยชะลอความแรง จากเหตุการณ์น้ำท่วม

9. ลำต้น สามารถ นำมาแปรรูปทำประโยชน์ ต่างๆ เช่น บ้านเรือน ที่พักอาศัย สะพานเฟอร์นิเจอร์ เรือ

10. การปลูกต้นไม้ เป็นการผ่อนคลายความเครียดได้อย่างนึง

11. เมื่อเจริญ สามารถนำไปขายได้ราคา โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายมาก

12 ต้นไม้ เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญต่อบรรดาสัตว์ป่า เป็นส่วนนึงในระบบนิเวศวิทยา